วิธีซ่อน IP address และปกป้องความเป็นส่วนตัว
กิจกรรมออนไลน์ของคุณอาจจะไม่มีความเป็นส่วนตัวเหมือนอย่างกับที่คุณคิดเอาไว้ ทันทีที่คุณเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต อุปกรณ์ของคุณก็จะถูกจัดสรรเลข IP address ที่ไม่ซ้ำใคร นี่เป็นเหมือนตัวเลขบ่งชี้ที่สามารถใช้เพื่อระบุผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) และตำแหน่งโดยประมาณของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณสามารถใช้งานบนโลกออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยและไม่ต้องเปิดเผยตัวตน คุณก็ควรจะปิดบัง IP address ของคุณ
ในคู่มือนี้ คุณจะได้รู้วิธีซ่อน IP address และยึดเอาความสามารถในการควบคุมความเป็นส่วนตัวของคุณคืนมา พวกเราจะพูดถึงว่า IP address คืออะไร ทำไมการซ่อนมันจึงเป็นเรื่องสำคัญ และคุณจะรักษาความเป็นส่วนตัวตอนที่เข้าเว็บไซต์ได้อย่างไร
IP address คืออะไร ทำไมมันถึงมีความสำคัญ?
Internet Protocol address (IP address) เป็นเลขที่ไม่ซ้ำกัน ซึ่งจะใช้บ่งบอกอุปกรณ์หรือเครือข่ายเมื่อมันเชื่อมต่อไปยังอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายระยะใกล้ มันทำให้การรับส่งข้อมูลไปยังจุดหมายปลายทางที่ถูกต้องได้
มันจะมีสองประเภทหลัก:
- IP address สาธารณะ: ถูกจัดสรรโดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ไปยังการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณ มันจะเชื่อมโยงอยู่กับเราเตอร์ของคุณ และเว็บไซต์กับบริการออนไลน์ที่คุณเข้าถึงก็สามารถมองเห็นมันได้
- IP address ส่วนตัว: ถูกจัดสรรโดยเราเตอร์ของคุณไปยังอุปกรณ์ภายในบ้านหรือเครือข่ายในออฟฟิศ มันจะถูกใช้งานเฉพาะในเครือข่ายระยะใกล้ของคุณ และก็ไม่สามารถถูกมองเห็นได้โดยโลกอินเทอร์เน็ต
ถ้าไม่มี IP address สาธารณะ อุปกรณ์ของคุณก็จะไม่สามารถส่งหรือรับข้อมูลออนไลน์ได้ นี่เป็นที่อยู่ที่คุณควรจะซ่อนเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณ เครื่องมืออย่าง เครื่องมือตรวจสอบที่อยู่ IP ของ ExpressVPN ทำให้การมองเห็น IP address สาธารณะของคุณบนเบราว์เซอร์กลายเป็นเรื่องง่าย
IP address เปิดเผยตัวตนของฉันอย่างไรบ้าง
เนื่องจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) จะจัดสรร IP address เฉพาะแค่ในบางพื้นที่ ดังนั้น IP address ของคุณจึงเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับตำแหน่งของคุณ สิ่งนี้รวมถึงประเทศ ภูมิภาค เมือง และก็อาจจะรวมถึงรหัสไปรษณีย์ด้วย IP address ของคุณสามารถบ่งบอก ISP ได้ด้วย นี่จึงเป็นการแสดงให้เห็นว่าคุณกำลังใช้บริการอินเทอร์เน็ตของใครอยู่
คนอื่น ๆ สามารถมองเห็นอะไรได้จาก IP ของคุณ
IP address ของคุณจะไม่ได้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวอย่างชื่อ เบอร์โทร หรือที่อยู่โดยตรง อย่างไรก็ตาม มันจะเปิดเผยข้อมูลเพียงพอที่ทำให้บุคคลที่สามสามารถเริ่มสร้างโปรไฟล์ของคุณได้ ซึ่งรวมถึง:
- ตำแหน่งทางภูมิภาคของคุณ: IP address นั้นสามารถใช้เพื่อติดตามตำแหน่งโดยทั่วไป โดยมักจะดูได้ถึงในระดับประเทศ รัฐ หรือเมือง แต่จะไม่ถึงขนาดในระดับรู้ว่าถนนอะไร
- กิจกรรมออนไลน์ของคุณ: เว็บไซต์จะบันทึกที่อยู่ IP ของคุณเพื่อติดตามกิจกรรมในเซสชัน และวิเคราะห์รูปแบบกับพฤติกรรมการเรียกดูเนื้อหาของคุณ แม้ว่าจะไม่ได้อนุญาตคุกกี้ก็ตาม
- ISP ของคุณ: IP address สาธารณะของคุณจะบ่งบอกผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณได้โดยตรงเลย
- ชนิดเครือข่ายของคุณ: IP address สามารถบ่งบอกได้ว่าคุณกำลังเชื่อมต่ออยู่กับ Wi-Fi บ้าน, Wi-Fi สาธารณะ หรือเครือข่ายมือถือ
ข้อมูลนี้สามารถแตกต่างกันออกไป โดยจะขึ้นกับ ISP ของคุณ ยกตัวอย่างเช่น ในอดีต Verizon จะใส่ Unique Identifier Header (UIDH) เข้าไปในคำร้องขอเว็บไซต์ ทำให้ผู้โฆษณาสามารถผูกข้อมูลพฤติกรรมการเรียกดูเนื้อหาเข้ากับลูกค้าแต่ละคนได้
ทำไมคุณถึงควรจะปิดบัง IP address
การปิดบัง IP address นั้นมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น การปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคุณ การป้องกันการติดตาม และการป้องกันความเสี่ยงอื่น ๆ ของการที่มีบุคคลที่สามได้ IP address ของคุณไป ข้างล่างนี้จะเป็นประโยชน์หลัก ๆ ที่คุณจะได้รับจากการปิดบัง IP address ของคุณ
หยุดไม่ให้ ISP มาติดตามคุณ
ISP ของคุณจะสามารถมองเห็นและบันทึกเรื่องส่วนใหญ่ที่คุณทำบนโลกออนไลน์ได้จากเว็บไซต์ที่คุณเข้าและแอปที่คุณใช้ ในบางพื้นที่ ISP จะถูกบังคับให้เก็บข้อมูลอภิพันธุ์ของคุณเอาไว้เป็นเวลานานเลยด้วย นอกจากนี้พวกเขาสามารถนำข้อมูลการเรียกดูเนื้อหาไปขายให้กับผู้โฆษณาและบุคคลที่สามอื่น ๆ ได้ด้วย
เข้าถึงเว็บไซต์และบริการได้อย่างปลอดภัย
การเปลี่ยน IP address ของคุณจะช่วยให้คุณเข้าถึงเว็บไซต์และบริการที่อาจจะถูกบล็อกหรือจำกัดบนบางเครือข่าย อย่างเช่น โรงเรียน ที่ทำงาน หรือ Wi-Fi สาธารณะ มันจะช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อไปยังเครื่องมือออนไลน์ที่คุณคุ้นเคย ในตอนที่คุณอยู่ไกลจากตำแหน่งประจำของคุณได้ด้วย โปรดทราบว่าวิธีการนี้จะเป็นการทำผิดเงื่อนไขการให้บริการของบางเว็บไซต์ ดังนั้นคุณควรจะตรวจสอบและทำตามกฎของบริการที่คุณใช้ด้วย
หลบหลีกการถูกทำโปรไฟล์และโฆษณา
บางบริษัทจะติดตามกิจกรรมของคุณทั่วทั้งอินเทอร์เน็ต เก็บข้อมูลส่วนตัวของคุณไปสร้างเป็นโปรไฟล์พฤติกรรมและสิ่งที่คุณสนใจ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงเห็นโฆษณาแบบระบุเป้าหมายสำหรับผลิตภัณฑ์ที่คุณพึ่งจะไปดูมาหรือทริปที่คุณกำลังสืบค้น การซ่อน IP address นั้นเป็นกุญแจสำคัญในการหลีกเลี่ยงการถูกติดตาม เพื่อปกป้องตัวตนบนโลกออนไลน์ของคุณ
ปกป้องคุณจากแฮ็กเกอร์
IP address ของคุณสามารถเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับอาชญากรไซเบอร์ได้ ถ้าแฮ็กเกอร์ได้ IP ของคุณไป พวกเขาก็สามารถทำการโจมตีโดยปฏิเสธการให้บริการ (DoS) หรือการโจมตีโดยปฏิเสธการให้บริการแบบกระจาย (DDoS) เพื่อทำให้เครือข่ายของคุณล่มได้
หลีกเลี่ยงการ doxxing
ถ้ามีใครบางคนกำลังพยายามระบุตัวตนที่แท้จริงของคุณโดยอ้างอิงจากตัวตนบนโลกออนไลน์ การรู้ IP address ก็อาจจะเป็นข้อมูลชิ้นสุดท้ายที่จะช่วยยืนยันว่าคุณคือใครได้ ยกตัวอย่างเช่น ไซเบอร์สตอล์กเกอร์อาจจะระบุตัวตนของบุคคลที่เป็นไปได้เอาไว้มากมาย โดยอ้างอิงจากข้อมูลดิจิทัลเพียงน้อยนิดที่คุณทิ้งเอาไว้ ถ้าพวกเขาได้ IP ของคุณไป และมีบุคคลเดียวที่อยู่ในตำแหน่งที่สอดคล้องกับตำแหน่งของคุณ คุณก็อาจจะถูกระบุตัวตนได้
ในบางกรณีที่อาจจะเกิดขึ้นได้ยาก บางคนอาจจะพยายามติดต่อ ISP ของคุณ และแอบอ้างว่าเป็นคุณเพื่อที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติมเลยก็ได้ ISP มักจะมีการยืนยันตัวตนและขอข้อมูลเพิ่มเติมอย่างเหมาะสมก่อนที่จะแจ้งรายละเอียดข้อมูลใด ๆ แต่มันก็จะดีกว่าถ้าคุณไม่ปล่อยให้ IP ของคุณเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องแบบนี้ตั้งแต่แรก วิธีแก้ไขที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้ก็คือการปิดบัง IP address เพื่อไม่ให้ผู้ที่ทำการ doxxing มาสามารถเข้าถึงมันได้
5 วิธีที่ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าสามารถซ่อน IP address ของคุณได้
มีอยู่หลายวิธีที่สามารถซ่อน IP address ของคุณได้ โดยแต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อเสียของมัน ด้านล่างนี้เป็นวิธีที่คุณสามารถใช้เพื่อปกป้องตัวตนออนไลน์ของคุณ

ใช้ VPN
การใช้ VPN (เครือข่ายส่วนตัวเสมือน) นั้นเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้มากที่สุดสำหรับการปิดบัง IP address ของคุณ VPN เปลี่ยนเส้นทางทราฟฟิคอินเทอร์เน็ตผ่านอุโมงค์ที่ถูกเข้ารหัสไปยังเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลที่ถูกจัดการโดยผู้ให้บริการ VPN เมิ่อคุณเชื่อมต่อกับ VPN เซิร์ฟเวอร์ VPN ก็จะแทนที่ IP address ของคุณด้วย IP address ของมันเอง เพื่อเป็นการซ่อน IP address จริงของคุณจากเว็บไซต์ที่คุณเข้าและจากบุคคลที่สามส่วนใหญ่ ISP ของคุณจะยังคงสามารถมองเห็นได้ว่าคุณเชื่อมต่อกับ VPN และก็จะเห็น IP address ของเซิร์ฟเวอร์ VPN แต่จะไม่เห็นกิจกรรมออนไลน์ และไม่เห็นเว็บไซต์ที่คุณเข้า
โปรดทราบว่า ผู้ให้บริการ VPN บางรายจะบันทึก IP addresses จริงของผู้ใช้งานเอาไว้ เพื่อให้ได้ความเป็นส่วนตัวอย่างเต็มที่ ให้คุณเลือก VPN ที่มีนโยบายไม่บันทึกข้อมูล หรือถ้าจะให้ดีไปกว่านั้น เลือกบริการอย่าง ExpressVPN ที่ผ่านการตรวจสอบอิสระอยู่เป็นประจำ
ใช้เครือข่าย Tor
เครือข่าย Tor (The Onion Router) โดยทั่วไปแล้วจะเข้าถึงได้ผ่านทางเบราว์เซอร์ Tor มันจะไม่เปิดเผยตัวตนของคุณในข้อมูลการเรียกดูเนื้อหาและ IP address โดยมันจะเปลี่ยนเส้นทางทราฟฟิคของคุณไปยังเครือข่ายกระจายศูนย์ซึ่งดำเนินการโดยอาสาสมัคร มันจะเข้ารหัสทราฟฟิคของคุณหลายครั้ง ด้วยการส่งมันผ่านอย่างน้อยสามโหนด ก่อนที่จะไปถึงจุดหมายปลายทาง
Tor นั้นใช้งานได้ดีสำหรับการไม่เปิดเผยตัวตนและการซ่อน IP address แต่มันก็มีปัญหาเช่นกัน Tor นั้นโดยทั่วไปแล้วจะช้ามาก ๆ นอกจากนี้ เนื่องจากโหนดสุดท้ายจะทำการถอดรหัสทราฟฟิคของคุณก่อนที่มันจะไปถึงเว็บไซต์ ผู้ดำเนินการที่ไม่ประสงค์ดีก็สามารถมองเห็นหรือแก้ไขข้อมูลที่คุณส่งไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเว็บไซต์ไม่ได้ใช้ HTTPS
ใช้เครือข่ายมือถือ
ถ้าคุณต้องการวิธีในการเปลี่ยน IP address ชั่วคราว ก็เพียงเปลี่ยนจากการเชื่อมต่อ Wi-Fi ไปใช้เน็ตมือถือแทนได้เลย ผู้ให้บริการของคุณจะจัดสรร IP address ใหม่ให้อุปกรณ์ของคุณ นี่ก็เป็นการซ่อน IP address จากเครือข่าย Wi-Fi ของคุณไปโดยปริยาย แน่นอนว่าการเชื่อมต่อนี้จะไม่ถูกเข้ารหัส หมายความว่ามันจะไม่ใช่วิธีการที่ปลอดภัยที่สุด
นอกจากนี้ IP address ที่จัดสรรโดยผู้ให้บริการของคุณก็จะยังคงแสดงตำแหน่งโดยทั่วไปให้คนอื่นเห็นได้อยู่
ใช้ Wi-Fi สาธารณะ (ด้วยความระวัง)
การเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายสาธารณะที่ร้านกาแฟหรือสนามบินนั้นก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่คุณจะได้รับ IP address ใหม่ชั่วคราว โปรดทราบว่ามีความเสี่ยงในการที่จะใช้ Wi-Fi สาธารณะ ดังนั้นคุณควรจะหลีกเลี่ยงการใช้ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน อย่างเช่น ข้อมูลธนาคาร ในขณะที่คุณเชื่อมต่อ
ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ (ไม่แนะนำ)
พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์นั้นเป็นตัวกลางที่จะปิดบัง IP address ของคุณด้วยการทำหน้าที่เป็นเหมือนเกทเวย์ระหว่างอุปกรณ์ของคุณและอินเทอร์เน็ต เมื่อคุณเชื่อมต่อไปยังพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ ทราฟฟิคของคุณก็จะถูกเปลี่ยนเส้นทางผ่านมัน หมายความว่าเว็บไซต์และแอปที่คุณใช้นั้นจะมองเห็น IP address ของพร็อกซีแทนที่จะเห็นของจริง
อย่างไรก็ตาม การใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์นั้นไม่ใช่วิธีการที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ในการปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณ พร็อกซีจะไม่ได้เข้ารหัสการเชื่อมต่อของคุณเหมือนอย่าง VPN ดังนั้นทราฟฟิคของคุณก็ยังมีความเสี่ยงต่อการถูกสอดแนมอยู่
ที่แย่ไปกว่านั้น พร็อกซีบางรายยังทำลายการเข้ารหัส (อย่าง HTTPS/TLS) ด้วย ซึ่งปกติแล้วจะช่วยรักษาความปลอดภัยให้การเชื่อมต่อของคุณเมื่อคุณเข้าเว็บไซต์ออนไลน์ นี่ทำให้ผู้ให้บริการพร็อกซีสามารถดูกิจกรรมการเรียกดูเนื้อหาของคุณได้ แล้วยังลามไปถึงการดูเนื้อหาที่คุณส่งและรับได้ด้วย ซึ่งก็รวมถึงรหัสผ่าน ข้อความ และข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนรูปแบบอื่น ๆ ยิ่งไปกว่านั้น พร็อกซีบางรายยังมีการบันทึกข้อมูลของผู้ใช้งานและนำมันไปขายด้วย
วิธีซ่อน IP วิธีใดดีที่สุดสำหรับคุณ?
วิธีซ่อน IP ที่ดีที่สุดนั้นจะขึ้นกับความต้องการของคุณ การใช้งาน VPN นั้นมักจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในภาพรวม แต่ Tor ก็เป็นตัวเลือกที่น่าคำนึงถึงในบางสถานการณ์เช่นกัน

ตารางการเปรียบเทียบ: VPN vs. Tor
นี่คือรายละเอียดของข้อแตกต่างสำคัญระหว่างวิธีการซ่อน IP ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด:
| VPN | Tor | |
| ซ่อน IP address | ใช่ | ใช่ |
| เข้ารหัสทราฟฟิค | ใช่ | ใช่ |
| ความเร็วการเชื่อมต่อ | เร็ว | ช้ามาก |
| ความสะดวกในการใช้งาน | ติดตั้งและใช้งานง่าย | ซับซ้อนเพราะมีข้อจำกัดด้านซอฟต์แวร์ที่เฉพาะเจาะจง |
สรุปสั้น ๆ แล้ว VPN จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในภาพรวม มันสามารถซ่อน IP address ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และก็สามารถเข้ารหัสทราฟฟิคของคุณโดยที่ส่งผลกระทบต่อความเร็วการเชื่อมต่อน้อย และก็ยังใช้งานง่ายอีกด้วย
Tor นั้นก็สามารถเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับความเป็นส่วนตัวได้ เนื่องจากมันจะปิดบังตัวตนของคุณด้วยการเปลี่ยนเส้นทางทราฟฟิคผ่านไปยังหลายเซิร์ฟเวอร์ ดังนั้นโหนดหรือบริการออนไลน์ที่เดียวจะไม่สามารถติดตามกิจกรรมของคุณกลับมาหาตัวคุณได้ อย่างไรก็ตาม มันจะช้ากว่า VPN เป็นอย่างมาก และ ISP ของคุณก็จะยังมองเห็นได้อยู่ว่าคุณกำลังเชื่อมต่ออยู่กับเครือข่าย Tor
ความเสี่ยงและข้อจำกัดของวิธีการฟรี
VPN ส่วนใหญ่ต้องใช้การสมัครสมาชิกแบบจ่ายเงิน ดังนั้นคุณจึงอาจจะสนใจวิธีการซ่อน IP address ที่ฟรีแทน น่าเสียดายที่ตัวเลือกฟรีมักจะมาพร้อมกับความเสี่ยงหรือข้อจำกัดเป็นอย่างมาก:
- Tor: ถึงแม้ว่าเครือข่าย Tor จะเข้ารหัสทราฟฟิคของคุณและปิดบัง IP address ของคุณได้ แต่มันก็ลดความเร็วในการเชื่อมต่อของคุณลงอย่างมีนัยสำคัญ นี่ก็เพราะว่าทราฟฟิคของคุณจะต้องเดินทางผ่านโหนดหลายโหนดก่อนที่จะไปถึงจุดหมายปลายทาง
- VPN ฟรี: VPN ฟรีนั้นจะเข้ารหัสการเชื่อมต่อของคุณ และเปลี่ยน IP address ของคุณโดยไม่มีค่าใช้จ่าย น่าเสียดายที่ความเร็วการเชื่อมต่อนั้นมักจะช้ากว่ามาก ๆ เพราะเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่มีขนาดเล็ก ซึ่งก็จะเกิดความแออัดได้อย่างรวดเร็ว แถม VPN ฟรียังนำข้อมูลของผู้ใช้งานไปขายด้วย
วิธีการตั้งค่า VPN เพื่อซ่อน IP ของคุณ
การตั้งค่า VPN เพื่อปิดบัง IP address ของคุณนั้นมีความตรงไปตรงมา คุณสมบัติความปลอดภัยและคุณสมบัติอื่น ๆ ที่มีติดมาให้พร้อมกับการใช้ VPN ที่เชื่อถือได้นั้นก็จะทำให้การทำขั้นตอนเล็กน้อยเหล่านี้มีความคุ้มค่าเป็นอย่างสูง
วิธีแบบสอนทีละขั้นตอนสำหรับ Windows, macOS, iOS, Android
คู่มือสอนแบบทีละขั้นตอนนี้จะช่วยบอกวิธีการซ่อน IP address ด้วย VPN อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โปรดทราบว่าคุณจะต้องทำการสมัครสมาชิก VPN ก่อนที่จะเริ่ม แต่กระบวนนั้นก็เร็วมาก ExpressVPN รับชำระเงินหลายรูปแบบ
หลังจากที่คุณเลือกแผนและสมัครใช้งาน ExpressVPN แล้ว คุณก็จะต้องตั้งข้อมูลสำหรับล็อกอิน และรับรหัสเปิดใช้งานในแดชบอร์ดออนไลน์ของคุณ คุณสามารถใช้ข้อมูลของคุณและรหัสเปิดใช้งานเพื่อล็อกอินเข้าสู่ระบบบน ExpressVPN หลังจากที่คุณติดตั้งแอปบนอุปกรณ์ที่คุณใช้งานแล้ว
Windows
- ดาวน์โหลดตัวติดตั้ง ExpressVPN สำหรับ Windows

- เปิดไฟล์ติดตั้ง และรอให้มันติดตั้ง ExpressVPN บนระบบของคุณ

- กรอกรหัสเปิดใช้งานเพื่อล็อกอินเข้าสู่ ExpressVPN คุณสามารถค้นหารหัสได้ในแดชบอร์ด ExpressVPN เมื่อคุณล็อกอินเข้าเว็บไซต์พอร์ทัลแล้ว

- เลือกว่าคุณต้องการให้ ExpressVPN เปิดทำงานตอนที่คุณเปิดเครื่องเลยหรือไม่

- กดปุ่ม การเชื่อมต่ออย่างรวดเร็วเพื่อเชื่อมต่อไปยัง ExpressVPN และปิดบัง IP address ของคุณ

macOS
- ดาวน์โหลดแอป ExpressVPN สำหรับ macOS จากเว็บไซต์ทางการ

- เปิดไฟล์ติดตั้ง และทำตามขั้นตอนในการติดตั้งแอปบนอุปกรณ์ macOS ของคุณ

- เปิด ExpressVPN หลังจากที่ติดตั้งเสร็จแล้ว และก็ล็อกอินเข้าสู่แอปด้วยรหัสเปิดใช้งานของคุณ

- กดปุ่ม การเชื่อมต่ออย่างรวดเร็วเพื่อซ่อน IP address ของคุณด้วยการเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ ExpressVPN

iOS
- เปิด App Store บนอุปกรณ์ iOS ของคุณ

- ค้นหา "ExpressVPN” และแตะรับเพื่อติดตั้งแอปบนอุปกรณ์ของคุณ

- เปิดแอป ExpressVPN และล็อกอินด้วยข้อมูลของคุณ

- แตะ อนุญาต ตอนที่ปรากฏ เพื่ออนุญาต ExpressVPN และเพื่อเพิ่มการกำหนดค่า VPN

- แตะปุ่ม การเชื่อมต่ออย่างรวดเร็วเพื่อซ่อน IP address ด้วยการเชื่อมต่อไปยัง ExpressVPN

Android
- เปิด Google Play บนอุปกรณ์ Android ของคุณ

- ค้นหา "ExpressVPN” และแตะ ติดตั้งเพื่อรับแอปบนอุปกรณ์ของคุณ

- เปิด ExpressVPN และแตะปุ่ม ลงชื่อเข้าใช้เพื่อล็อกอินเข้าแอปด้วยข้อมูลของคุณ

- อนุญาตให้ ExpressVPN ตั้งค่าการเชื่อมต่อ VPN เมื่อมีการขออนุญาต

- แตะปุ่ม การเชื่อมต่ออย่างรวดเร็วเพื่อเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์และปิดบัง IP address ของคุณ

เลือกผู้ให้บริการ VPN ที่ใช่
ในการเลือกผู้ให้บริการ VPN เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องค้นหาผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือและมีความโปร่งใส VPN ที่ทำงานแบบพึ่งพาได้นั้นมีอยู่มากมาย แต่ไม่ใช่ว่าทุกตัวจะปลอดภัยเท่ากันหมด บางตัวนั้นอาจจะแชร์ข้อมูลของผู้ใช้งานให้กับผู้โฆษณา หรือไม่ก็ไม่สามารถจัดการกับช่องโหว่ด้านความปลอดภัยได้ มองหาผู้ให้บริการที่มีการเผยแพร่รายงานความโปร่งใสอย่างสม่ำเสมอ และก็ผ่านการตรวจสอบอย่างอิสระแล้ว เพื่อให้แน่ใจว่า VPN ของคุณนั้นจะไม่บันทึกข้อมูลการเรียกดูเนื้อหาหรือ IP address ของคุณ
ประสิทธิภาพก็สำคัญเช่นกัน VPN ที่ทำให้การเชื่อมต่อของคุณช้า ไม่ว่าจะเป็นในขณะการท่องเว็บ สตรีมมิ่ง หรือดาวน์โหลดนั้นต่างก็เป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิด ผู้ให้บริการที่ดีที่สุดจะสามารถรักษาความเร็วได้ดีและมีความเสถียร แม้ว่าเซิร์ฟเวอร์จะมีผู้ใช้งานเยอะ โปรโตคอล Lightway ของ ExpressVPN นั้นถูกออกแบบมาเพื่อเน้นความเร็วและความเชื่อถือได้ ทำให้คุณปิดบัง IP address ได้โดยที่ความเร็วตกลงไม่มาก
คุณควรคำนึงถึงเรื่องขนาดของเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ คุณภาพของฝ่ายสนับสนุนลูกค้า คุณสมบัติเสริมที่มีประโยชน์ และ VPN นั้นมีการรับประกันคืนเงินหรือไม่ด้วย
คุณสมบัติที่ควรมองหา (kill switch, การเข้ารหัส, การไม่บันทึกข้อมูล)
นี่คือคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดที่คุณควรมองหาสำหรับการซ่อน IP address:
- การเข้ารหัส: เลือก VPN ที่ใช้มาตรการเข้ารหัสระดับชั้นนำของโลก อย่างเช่น AES 256-bit
- นโยบายการไม่บันทึกข้อมูล: เลือก VPN ที่มีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่โปร่งใส เพื่อช่วยให้มั่นใจได้ว่ามันจะไม่เก็บข้อมูลกิจกรรมหรือ IP address จริงของคุณเอาไว้บนเซิร์ฟเวอร์
- Kill switch: kill switch จะตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณโดยอัตโนมัติ ถ้า VPN ของคุณมีปัญหาใด ๆ นี่เป็นการป้องกันไม่ให้ IP address จริงของคุณรั่วไหลออกไป
- Split tunneling: นี่เป็นคุณสมบัติที่มีประโยชน์ซึ่งจะช่วยให้คุณเปลี่ยนเส้นทางของแอปบางแอปไปยัง VPN ได้ นี่เป็นการซ่อน IP address จากแอปเหล่านั้น ในขณะที่คุณยังคงสามารถใช้การเชื่อมต่อปกติและ IP address จริงของคุณได้
คุณใช้งานโดยไม่เปิดเผยตัวตนบนโลกออนไลน์ได้จริง ๆ หรอ?
ในขณะที่การซ่อน IP address นั้นจะเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้การใช้งานออนไลน์ได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรเข้าใจว่ามันจะไม่ได้ทำให้คุณอยู่ในสถานะการไม่เปิดเผยตัวตน 100% เต็ม ถึงแม้ว่าจะปิดบัง IP address แล้ว แต่คุณก็ยังต้องระมัดระวังบนโลกออนไลน์อยู่ดี
สิ่งที่การปิดบัง IP ช่วยป้องกันและไม่ได้ช่วยป้องกัน
เว็บไซต์และผู้โฆษณาหลายรายจะใช้เทคนิคอย่างลายนิ้วมือของเบราว์เซอร์ คุกกี้ และติดตามพิกเซลเพื่อระบุตัวและติดตามผู้ใช้งานไปทั่วทั้งเว็บไซต์ ในขณะที่ ตัวจัดการภัยของ ExpressVPN จะสามารถปกป้องคุณจากตัวติดตามได้ แต่บางเว็บไซต์ก็ยังสามารถสร้างโปรไฟล์ของคุณด้วยการใช้ลายนิ้วมือของเบราวเซอร์ได้อยู่
นอกจากนี้ กิจกรรมของคุณก็ยังสามารถถูกเชื่อมโยงกับบัญชีของคุณได้ ถ้าคุณล็อกอินเข้าสู่บริการอย่าง Facebook หรือ Google ด้วยเหตุผลเหล่านี้ มันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรจะต้องระวังสิ่งที่คุณทำบนโลกออนไลน์ แม้ว่าคุณจะซ่อน IP address แล้วก็ตาม
คำอธิบายเกี่ยวกับ ข้อมูลอภิพันธุ์ vs. ข้อมูลทราฟฟิคตัวเต็ม
เนื่องด้วยมีความเป็นห่วงเกี่ยวกับการสอดแนมข้อมูลอภิพันธุ์เพิ่มมากขึ้น มันจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ใช้งานเว็บไซต์ทั้งหมดที่จะต้องเรียนรู้ว่าข้อมูลอภิพันธุ์คืออะไร และมันต่างจากข้อมูลทราฟฟิคอื่น ๆ อย่างไร
ข้อมูลทราฟฟิคตัวเต็มคือสิ่งที่คุณทำบนโลกออนไลน์ นี่รวมถึงข้อความในอีเมล ข้อความอื่น ๆ ที่คุณส่ง วิดีโอที่คุณสตรีมดู เว็บไซต์ที่คุณเข้า และไฟล์ใด ๆ ที่คุณอัปโหลดหรือดาวน์โหลด มันเป็นสาระสำคัญที่คุณสื่อสารกับเว็บไซต์
ในอีกมุมหนึ่ง คุณสามารถคิดได้ว่าข้อมูลอภิพันธุ์นั้นเปรียบเสมือนข้อมูลเกี่ยวกับการสื่อสารของคุณ แทนที่จะเป็นสาระสำคัญ มันจะรวมถึง IP address ที่เกี่ยวข้อง การประทับเวลา ขนาดไฟล์ ชนิดเบราวเซอร์ และโดเมนที่คุณเข้า
ข้อมูลอภิพันธุ์ของคุณจะสามารถเปิดเผยข้อมูลสำคัญบางอย่างที่เกี่ยวกับคุณได้ มันไม่มีทางปิดบังเรื่องนี้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับการเชื่อมต่อและกิจกรรมของคุณนั้นจะถูกสร้างขึ้นเมื่อคุณใช้งานออนไลน์ คุณสามารถซ่อน IP address ได้ แต่รายละเอียดอื่น ๆ นั้นก็ยังสามารถถูกมองเห็นได้โดยบริการที่คุณใช้
ถึงแม้จะมีความเป็นไปได้น้อยมากที่ข้อมูลอภิพันธุ์เพียงหนึ่งเดียวจะสามารถนำมาใช้ระบุตัวตนของคุณได้อย่างชัดเจน แต่ถ้ามันมีข้อมูลมากพอ นักสืบไซเบอร์ที่มีความสามารถก็สามารถติดตามกิจกรรมของคุณได้อย่างง่ายดาย
ตัวอย่างหนึ่งของเรื่องนี้ก็คือการโจมตีแบบเชื่อมโยงข้อมูล ซึ่งก็คือกรณีที่ใครบางคนสามารถเข้าถึงบันทึกการเชื่อมต่อของ ISP ของคุณ และสามารถวิเคราะห์ข้อมูลอภิพันธุ์อย่างเช่นเวลา ระยะเวลา และจุดหมายปลายทางของการเชื่อมต่อ ถ้าพวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลสาธารณะของคุณได้ด้วย อย่างเช่นโปรไฟล์โซเชียลมีเดียที่คุณโพสต์ข้อความหรืออัปโหลดวิดีโอ พวกเขาก็สามารถเปรียบเทียบเวลาและเชื่อมโยงข้อมูลเข้าหากันได้ เมื่อเวลาผ่านไป การที่ข้อมูลอภิพันธุ์ตรงกันอย่างสม่ำเสมอ มันก็จะสามารถบ่งบอกได้ว่าผู้ใช้งานหรืออุปกรณ์ใดที่เป็นผู้กระทำการต่าง ๆ
นอกจากการใช้ VPN เพื่อซ่อน IP address แล้ว เบราวเซอร์ที่เป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัวก็สามารถช่วยปกป้องกิจกรรมออนไลน์ของคุณเพิ่มเติมได้ด้วยการบล็อกตัวติดตาม จำกัดการทำลายนิ้วมือ และจำกัดการเชื่อมต่อพื้นหลังที่อาจจะเปิดเผยข้อมูลอภิพันธุ์เกี่ยวกับกิจกรรมของคุณ
คำถามที่พบบ่อย: คำถามทั่วไปเกี่ยวกับการซ่อน IP address
ฉันสามารถซ่อน IP address โดยไม่ใช้ VPN ได้หรือไม่?
ทำได้ แต่วิธีการซ่อน IP address อื่น ๆ นั้นมีประสิทธิภาพดีไม่เทียบเท่า ตัวอย่างเช่น การใช้เครือข่าย Tor นั้นจะทำให้ความเร็วในการเชื่อมต่อลดลงไปเป็นอย่างมาก Tor นั้นยังสามารถเข้ารหัสทราฟฟิคได้เฉพาะในเครือข่ายของมันเองเท่านั้นด้วย ดังนั้น ISP ของคุณก็ยังรู้ได้อยู่ว่าคุณกำลังเชื่อมต่ออยู่กับ Tor แต่ก็จะไม่รู้ว่าทราฟฟิคของคุณถูกส่งไปไหนหลังจากที่คุณอยู่ในเครือข่ายแล้ว
IP address ของฉันจะถูกติดตามได้หรือไม่ถ้าฉันใช้โหมดไม่ระบุตัวตน?
ได้ โหมดไม่ระบุตัวตนจะป้องกันเฉพาะเบราว์เซอร์ ไม่ให้เก็บประวัติการท่องเว็บ คุกกี้ และข้อมูลของเว็บไซต์เอาไว้ในเครื่อง มันไม่ได้ซ่อน IP address หรือป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ เครือข่าย หรือผู้ให้บริการออนไลน์สามารถมองเห็นมันได้ ถ้าคุณต้องการความเป็นส่วนตัวทางออนไลน์ที่มากขึ้น ให้ลองเลือกใช้เบราวเซอร์ที่เน้นความเป็นส่วนตัวควบคู่ไปกับ VPN ดู นี่จะช่วยลดปริมาณข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมของคุณที่คนอื่น ๆ จะสามารถเก็บได้
การซ่อน IP address นั้นถูกกฎหมายหรือไม่?
ถูก การซ่อน IP address นั้นถูกกฎหมายในหลายประเทศ แต่เครื่องมือซ่อน IP บางตัวอย่างเช่น VPN หรือ Tor นั้นอาจจะถูกจำกัดในบางพื้นที่ แน่นอนว่าการซ่อน IP address เพื่อที่จะก่ออาชญากรรมนั้นก็ยังคงเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายในทุกพื้นที่อยู่ เป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องตรวจสอบและทำตามกฎหมายในพื้นที่
ฉันจะซ่อน IP บนสมาร์ทโฟนของฉันได้อย่างไร?
วิธีการที่ดีที่สุดสำหรับการซ่อน IP address บนสมาร์ทโฟนก็คือการติดตั้งและเชื่อมต่อ VPN นอกจากจะเป็นการซ่อน IP address แล้ว นี่ยังเป็นการเข้ารหัสการเชื่อมต่อของคุณและช่วยปกป้องกิจกรรมออนไลน์ของคุณด้วย
ก้าวแรกสู่การปกป้องตัวตนออนไลน์ของคุณ ลองใช้ ExpressVPN ไม่มีความเสี่ยง
รับ ExpressVPN